กาญนะจ๊ะบุรี สังขละบุรี เที่ยววิธีมอญ
สถานที่ 1.สะพานไม้อุตตมานุสรณ์ 2.วัดวังก์วิเวการาม 3.เจดีย์พุทธคยา
สังขละบุรี เมืองเล็กๆ เมืองที่อยู่ห่างจากตัวจังหวัดกาญจนบุรี กว่า 200 กิโลเมตร สุดเขตชายแดนตะวันออก เมืองที่เต็มไปด้วยความหลากหลายของผู้คนหลากชาติพันธุ์ ไทย พม่า กระเหรี่ยง ลาว รวมถึงกลุ่มพี่น้อง ชาวมอญครับ นอกจากเรื่องรวของผู้คนที่มีความน่าสนใจ บรยกาศและสถานที่ที่ตั้งของเมืองแห่งนี้ ยังมีความสวยงามที่เป็นเอกลักษ์ ที่ดึงดูนักเท่องเที่ยว ให้มาเยี่ยมเยือนเมืองแห่งนี้เป็นจำนวนมาก และเมื่อพูดถึงที่นี้ ภาพที่ทุกคนคงคุ้นตาได้เป็นอย่างดี นั้นคือสะพานไม้ อุตตมานูสรณ์ ครับ
สะพานอุตตมานุสรณ์ หรือที่นิยมเรียกกันว่า สะพานมอญ เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย มีความยาว 445 เมตร และเป็นสะพานไม้ที่ยาวเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสะพานไม้อูเบ็ง ในประเทศพม่าเป็นสะพานที่ข้ามแม่น้ำซองกาเลีย สะพานแห่งนี้สร้างขึ้นโดยความร่วมมือร่วมใจของพี่น้องชาวมอญโดยหลวงพ่ออุตตมะ เป็นผู้ริเริ่มโดยเริ่มสร้าง ในปี พ.ศ. 2529 จนถึง พ.ศ. 2530 จึงแล้วเสร็จครับ ในปัจจุบันสะพานแห่งนี้ ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสำคัญของอำเภอสังขละบุรี เป็นอย่างมาก เพราะด้วยความสวยงามที่แปลกตา ของสะพานไม้ ที่ยาวทอดตัวทาบผ่านลำน้ำ บรรยากาศโดยรอบที่โอบกอดไปด้วยขุนเขา เรียงสลับลกหลั่น อย่างสวยงาม
นอกจากความสวยงามของบรรยกาศแล้ว เสน่ห์ที่สำคัญของสะพานแห่งนี้ คือภาพของการใช้ชีวิตของพี่น้องคนไทยเชื่อสายมอญ ที่ยังไว้ซึ้งใวในวิถีของตัวเอง ในเรื่องของการแต่งกาย และภาษาพูด ที่แตกต่าง อย่างเป็น
เอกลักษ์
สำหรับผมเองแล้วการปั่นรถ บนสะพานแห่งนี้ อาจจะมีข้อจำกัดอยู่บ้างครับ เพราะด้วยสภาพ พื้นผิวของสะพาน เป็นระแนงไม้ จึงมีช่องระหว่างแผ่นไม้ ซึ่งล้อวีลแชร์ อาจจะตกร่องลงได้ครับ กันปั่นรถ จึงต้องใช้ความระมัดระวงเป็นพิเศษในการปั่น
จากบริเวณด้านหน้าสะพาน ฝั่งชุมชนชาวมอญ บ้านวังกะ จุด ๆ นี้เป็นอีกหนึ่งจุดครับ ที่มีความน่าสนใจครับ เพราะที่นี้ ในทุกๆ วัน เวลา 6 โมงเช้า เช้าบ้านจะร่วมกันตักบาตรซึ่งถือเป็นวิถีชีวิตที่ปกติ ของพี่น้องชาวมอญที่ชีวิตผู้พัน กับพุทธศาสนา เป็นอย่างมาก สำหรับกิจกรรมการตักบาตร ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมยอดฮิตครับ ที่นักท่องเที่ยวที่มีที่นี้ เลือกที่จะต้องมีส่วนร่วมครับ โดยบริเวณ ร้านค้าที่อยู่โดยรอบ จะมีบริการชุดอาหารสำหรับตักบาตร พร้อมบริการแต่งชุดมอญ ในราคาเพียง 99 บาท ครับ ซึ่งถือว่าเป็นสีสัน อย่างดีสำหรับการเดินทาง ได้ทั้งเที่ยว ได้ทั้งบุญ แถมได้แต่งตัวสวยๆ ในชุดของชาวมอญ
นอกจากการใส่บาตรแล้วครับ บริเวณรอบๆ หน้าทางขึ้นสะพาน ที่นี้ ยังมีร้านค้า ร้านขายของที่ระลึกให้บริการ ขายสินค้า ของฝาก ของที่ระลึก มีทั้งเสื้อผ้าท้องถิ่น เครื่องประดับ งานฝีมือ ของคนในท้องถิ่นให้บริการเลือกซื้อ ได้อย่างจุใจครับ
ด้วยสภาพ ที่ตั้งของที่นี้เป็นเนินเขา การปั่นรถ สำหรับที่นี้อาจจะต้องใช้แรงมากซักหน่อยครับ แต่สภาพพื้นที่เป็นพื้นปูนเรียบ การปั่นรถสำหรับผมกับที่นี้จึงไม่มีปัญหาครับ สามารถเที่ยวชมได้อย่างสบายครับ
วัดวังก์วิเวการาม หรือ วัดหลวงพ่ออุตตมะ วัดนี้เป็นวัดที่มีความสำคัญอยากมากสำหรับชาวมอญ สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2496 โดยหลวงโดยพระราชอุดมมงคล (หลวงพ่ออุตตมะ) พระเกจิชาวมอญ ซึ่งเป็นพระที่พี่น้องชาวมอญทั้งในไทยและต่างประเทศ ให้ความเคารพศรัทธาอย่างสูง โดยภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจอยู่ลายส่วนครับ วิหารนั้นก่อสร้างด้วยศิลปะแบบมอญและไทยประยุกต์ ด้านหน้าบริเวณทางขึ้นเป็นขึ้นบันได 9 ขั้น ซึ่งสำหรับผู้พิการ อาจจะมีข้อจำกัดในการขึ้นครับ แต่มาขนาดนี้แล้วเรื่องแค่นี้ไม่ใช้ปัญหาครับ โดยภายในเป็นที่เก็บสังขารของหลวงพ่ออุตตมะในโลงแก้ว ครอบปราสาทไม้ 9 ยอด ขนาดใหญ่ที่ ประดับตบแต่งด้วยไม้ลายฉลุ อย่างประณีตมีความงดงามในศิลปรูปแบบชาวมอญที่งดงาม
พระพุทธรูปองค์ใหญ่ ปางสมาธิ ศิลปะคันธาระ หรือปาละ ขนาดหน้าตักกว้าง 28 เมตร ความสูง 37 เมตร จัดสร้างขึ้นเพื่อสืบสานเจตนารมณ์ของพระราชอุดมมงคล บริเวณเนินเขาสูงด้านหลังของวัดวังก์วิเวการาม อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นจุดที่สามารถมองเห็นแม่น้ำ 3 สาย ได้แก่ รันตี บีคลี่ และซองกาเลีย ที่ไหลมารวมกันเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำแควน้อย
3.เจดีย์พุทธคยา

เจดีย์พุทธคยา เป็นเจดีย์ขนาดใหญ่ครับ เป็นเจดีย์ที่จำลองแบบมาจาก เจดีย์พุทธคยาประเทศอินเดีย เป็นเจดีย์คอนกรีตเสริมเหล็กฐานรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้าง ยาว 42 เมตร สูง 49 เมตร เสาเหล็ก 4 ทิศ จำนวน 16 ต้น ในปี พ.ศ.2532 บริเวณโดยรอบยังเป็นจุดจำหน่ายของที่ระลึกต่างๆ ให้กับนักท่องเที่ยวอีกด้วยครับ น่าเสียดายครับที่บริเวณทางขึ้นเจดีย์แห่งนี้เป็นบันไดสูง สำหรับคนที่มีข้อจำกัดอย่างผม อาจจะไม่สะดวกในการเข้าถึงภายใน แต่ไม่เป็นไรครับ ชื่นชมเพียงแค่ด้านนอก พอใจแล้วครับ นอกจากวิหารและเจดีย์พุทธคยา แล้วทางวัดกำลังดำเนินการก่อสร้าง อีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวใหม่ครับซึ่งจะเป็นแลนมาร์คที่สำคัญสำหรับการมาเยื่อนสังขละบุรีแห่งนี้ โดยการสร้าง พระพุทธรูปองค์ใหญ่ ปางสมาธิ ศิลปะคันธาระ หรือปาละ ซึ่งขนาดหน้าตักกว้าง 28 เมตร ความสูง 37 เมตร ความกว้างฐานชั้นล่าง 45 เมตร ฐานชั้นที่สองแปดเหลี่ยมจากจุดที่ตั้งเราสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ ของอำเภอสังขละบุรีได้อย่างสวยงามครับ