เที่ยววัดจมน้ำ ชมเมืองบาดาล สังขละบุรี
สถานที่ 1.นั้งเรือชมวัดจมน้ำ 3 วัด 2. ด่านเจดีย์สามองค์ 3.น้ำตกเกิงกาเวีย
ย้อนไปในอดีต สังขละบุรีเป็นเมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ตามแนวลำน้ำ ของแม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำบีคลี้ และแม่น้ำรันตรี ซึ่งไหลมาบันจบรวมกันเรียกว่าสามประสพครับ แต่หลังจากปี พศ 2522 ได้มีการสร้างเขื่อน เขาแหลมเพื่อกักเก็บน้ำรวมถึงปั่นไฟฟ้าจึงทำให้พื้นที่ ชุมชนดั้งเดิมของชาวบ้านนั้น ถูกน้ำท้วม ทางการได้ทำการอพยพผู้คนขึ้นมาอยู่ในพื้นที่ ที่ไม่ถูกน้ำท้วม และเป็นที่อยู่อาศัยของชาวบ้านสังขละบุรีในปัจจุบันนี้ครับ ดังนั้นในช่วงเวลาที่น้ำในเขื่อนน้อลง เราจะสามารถ มองเห็นพื้นที่ของวัด ซึ่งเป็นวัดเก่าของชุมชน ที่ถูกน้ำท้วมได้อย่างชัดเจนครับ ซึ่งมีอยู่ 3 วัด สำคัญๆ ของอำเภอสังขละบุรี ซึ่งในปัจจุบัน กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันซีน ของ สังขละบรี รวมถึงเป็นจุดหมายในการท่องเที่ยวของเราในวันนี้ด้วยครับ
สำหรับการเดินทางเพื่อชมวัด จมน้ำ เราใช้การเดินทางโดยเรื่อโดยสารครับ ซึ่งที่นี้มีให้บริการนักท่องเที่ยว ในราคา 500 บาทต่อเรือ 1 ลำครับสำหรับการนำเที่ยวชม 3 วัด ซึ่งสามารถโดยสารได้ 6 ท่าน ใช้เวลาต่อรอบในการเดินทาง ประมาณ 1 ชั่วโมงครับ และแน่นอนครับว่าการขึ้นลงเรือสำหรับผมเองแล้ว อาจจะดูไม่สะดวกซักเท่าไรแต่ก็ไม่ใช้ว่าเป็นไปไม่ได้ครับ เราใช้เวลาเดินทางเพียง 20 นาที ครับกับสถานที่แรกของเรา
วัดวังก์วิเวการาม วัดแห่งนี้เป็นศูนย์รวมจิตใจของพี่น้องชาวมอญครับโดยมีหลวงพ่ออุตตมะเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจที่ชาวมอญให้ความเคารพอย่างสูงครับ ในปัจจุบัน ยังคงเหลือร่องรอยของสิ่งก่อสร้างซึ่งคือโบสถ์หลังเก่าที่จมน้ำ
วัดสมเด็จถือเป็นวัดเก่าแก่ วัดหนึ่งของอำเภอสังขละบุรีครับ ด้วยทำเทที่ตั้งของตัววัดนั้นตั้งบนเนินเขา จึงทำให้วัดแห่งนี้ไม่ได้ถูกน้ำท้วมครับ แต่ด้วยการย้ายถิ่นอาศัยผู้คนหลังจากสร้างเขื่อนวัดแห่งนี้จึงถูกปล่อยร้างครับ ซึ่งปัจจุบัน ตัววัดเองยังคงเหลือสภาพที่ค่อนข้างสมบูรณ์ ครับ ผนังโบสถ์ อยู่ครบทั้งสี่ด้าน แต่ไม่มีหลังคาปกคลุม
โดยภายในโบสถ์ยังคงมีพระพุทธชินราชจำลอง ซึ่งเป็นพระประธานประจำวัดแห่งนี้ โดยรอบตัววัดนั้น ถูกพัน เลื้อยด้วย เถ้าวัลย์ จึงทำให้วัดแห่งนี้ดูมีความเข้มขลัง ตามกาลเวลาที่ผ่านมาครับสำหรับการข้นมาบนตัววัดนั้นจากจุดจอดเรือเราต้องเดินขึ้น ไปบนเนินเขาครับถึงจะเจอกับตัววัด ซึ่งแน่นอครับ ว่าสำหรับคนพิการอย่างผมที่ใช้รถเข็นคงจะลำบากมากๆ ครับ
วัดศรีสุวรรณ ถือเป็นวัดที่มีความเก่าแก่มากที่สุดวัดหนึ่งของอำเภอสังขละบุรีครับ โดยสร้างขึ้นในในช่วงการปกครองของพระศรีสุวรรณองค์ที่ 5 ซึ่งเป็นผู้ปกครองของเมืองสังขละในสมัยนั้น โดยกลุ่มพี่น้องชาวกระเหรี่ยงครับ สำหรับวัดแห่งนี้ ตั้งอยู่ในที่ที่ต่ำกว่าวัด อื่น ๆ จึงทำให้ระดับน้ำมนั้น ท้วมตัววัด ค่อนข้างสูงครับ เราจึงสามารถมองเห็นได้แค่ในส่วนที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมา ซึ่งดูเป็นภาพที่แปลกตาครับราวกับเป็นเมืองใต้บาดาล
2. ด่านเจดีย์สามองค์

ด่านเจดีย์สามองค์ คือพื้นที่สุดเขตแดนประเทศไทยฝั่งตะวันตกครับ ซึ่งติดกับเขตพื้นที่ ประเทศพม่า ในแต่เดิม พระเจดีย์สามองค์ เป็นเพียงก้อนหินวางซ้อนๆ กันสามกอง จึงเรียกที่แห่งนี้ว่าหินสามกอง และเป็นที่สักการะของคนไทยโดยทั่วไปก่อนที่จะเดินทางออกเขตแดนไทยเข้าสู่เขตแดนพม่าแต่ครั้งโบราณ ต่อมาในปี พ.ศ.2432 พระศรีสุวรรณคีรี (ทะเจียงโปรย เสตะพันธ์) เจ้าเมืองสังขละบุรี ร่วมกับราษฎรในพื้นที่ก่อสร้างองค์เจดีย์ขึ้นบนหินสามกอง เจดีย์แต่ละองค์สูงประมาณ 6 เมตร ตั้งห่างกันประมาณ 5-6 เมตร ซึ่งในปี พ.ศ.2546 กรมศิลปกรได้ดำเนินการขุดแต่งและพบฐานเจดีย์รูปทรงสี่เหลี่ยมที่ก่ออิฐอยู่ด้านใต้ซึ่งสันนิษฐานว่ามีการสร้างเจดีย์องค์เดิมมาแล้วในสมัยกรุงศรีอยุธยา กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนพระ เจดีย์สามองค์เป็นโบราณสถานของชาติ ในปี พ.ศ.2498
ในปัจจุบันสำหรับที่นี้เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยว ที่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาสังขละบุรี ไม่พลาดที่จะมาเช็คอิน เพราะด้วยพื้นที่ที่เป็นเขตแดนระหว่างประเทศไทยและประเทศพม่า ที่มีแนวติดกัน อย่างไกล้ชิด
ในเรื่องของการจัดการสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเข้าถึงของคนพิการละผู้สูงอายุ ที่นี้ไม่มีบริการ ใดๆ ครับ หากแต่การเข้าถึงนั้น ทำได้โดยง่ายครับ เพราะพื้นที่ตั้งเป็นพื้นที่ราบ รวมถึงจุดจำหน่าย ของที่ระลึก เป็นทางเดินปูนสามารถปั่นรถ ชมได้อย่างไม่ลำบากอะไรครับ
4. น้ำตกเกริงกะเวีย
น้ำตกเกิงกาเวีย ถ่ายรูปเช็ดอิน ช๊อปปิ้งกันเรียบร้อยแล้ว ในเส้นทางขากลับ เข้าสู่จังหวัดกาญ ด้วยระยะทางประมาณ 55 กิโลเมตรจากด่านเจดีย์สามองค์ อีกหนึ่งจุดแวะพักข้างทางที่ไม่อยากให้พลาด น้ำตกเกริงกาเวียครับสำหรับน้ำตกเกิงกาเวีย เป็นน้ำตก หินปูนขนาดเล็ก ที่มีความน่าสนใจ ด้วยปริมาณน้ำที่มีไหลทั้งปี โอบล้อมด้วยธรรมชาติ และต้นไม้ที่สมบูรณ์จึงทำให้น้ำตกแห่งนี้มีความงดงามมาก ๆ ครับ

และด้วยจุดที่ตั้งนั้น อยู่บริเวณริมถนนสามารถจอดรถ แวะพัก ลงมาถ่ายรูปกับมุมสวย ๆ ของน้ำตก ได้อย่างสะดวก แต่สำหรับคนที่มีข้อจำกัดอย่างผม นั้น การลงไปถึงบริเวณตัวน้ำตกอาจจไม่สะดวกซักเท่าไร

เพราะบริเวณทางลงเป็นขั้นบันใด ประมาณ 5 ขั้น แลพื้นที่บริเวณตัวน้ำตก ยังคงมีสภาพเป็นพื้นป่าธรรมชาติจึงทำให้มีข้อจำกัดในการเข้าถึง แต่ไม้ใช้ปัญหาครับ
สำหรับจุดแวะพักน้ำตกเกิงกาเวียแห่งนี้ หากพูดถึงเรื่องการจัดการสภาพแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการและผู้สูงอายุที่นี้ทำไว้ให้อย่างดีครับ มี ทั้งที่จอดรถ ทางลาดรวมถึงห้องน้ำสำหรับผู้พิการ แน่นอนครับว่าส่วนของตัวน้ำตกนั้นเป็นพื้นที่ทางธรรมชาติการเข้าถึงจึงมีข้อจำกัด เรื่องนี้พอเข้าใจได้ครับต้องขอขอบคุณมาก ๆ ที่ทำให้ และนึกถึงพวกเรา
การเดินทางของเราในวันนี้ ถือเป็นการปิดทริป สังขละบุรี อย่างสมบูรณ์ครับเป็นอีกหนึ่งการเดินทางที่มีความ หลากหลาย ทั้งเรื่องของชาติพันธุ์ ผู้คน เรื่องของสถานที่ท่องเที่ยว รวมถึงเรืองของบรรยกาศ ทิวทัศน์ที่งดงาม และแน่นอนครับ ในเรื่องของการจัดการสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเข้าถึงอย่างสะดวกสำหรับคนพิการและผู้สูงอายุ ที่นี้อาจจะไม่ได้มีครบสมบูรณ์ หากแต่ แลกมากับสิ่งที่ได้พบ ได้เจอในการเดินทาง ครั้งนี้ ผมคิดว่า ยังไงมันก็คุ้มครับ