1 วันเที่ยวสุพรรณบุรี ไหว้พระทำบุญดูปลาใต้อุโมงค์ยักษ์
สถานที่ 1.วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร 2.อุทยานมังกรสวรรค์ ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง 3.บึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ 4.ตลาดสามชุก
จากกรุงเทพเพียง 1 ชั่วโมงนิดๆ กับเมืองท่องเที่ยวที่มีความหลากหลายและน่าสนใจ ทั้งโบราณสถาน วัดวาอาราม อาหารการกิน รวมถึงแหล่งท่องเที่ยว ทางวัฒนธรรม หรือแม้กระทั่ง อควอเรี่ยมที่รวบรวมปลา ขนาดใหญ่ที่นี้ก็มี ที่กล่าวมาทั้งหมด ผมพูดไม่ผิดครับ เพราะเมือง ๆ นี้ มีให้เที่ยวครบ จบในทุกรูปแบบ Wheelwego ในวันนี้เราอยู่กันที่จังหวัดสุพรรณบุรีครับ
เริ่มต้นการเดินทางของผมในวันนี้ที่เมืองสุพรรณบุรี ก็คงหนีไม่พ้น ที่จะต้องแวะเข้ามากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของที่นี่ก่อนครับ เพื่อเสริมสิริมงคลให้กับตัวเอง และตอนนี้ผมก็อยู่กันที่วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร จังหวัดสุพรรณบุรีครับ ซึ่งที่นี่ขึ้นชื่อว่าถ้าใครมาเที่ยวสุพรรณบุรีแล้วไม่แวะมากราบไหว้หลวงพ่อโต จะถือว่ามาไม่ถึงเมืองสุพรรณกันเลยทีเดียวครับ
วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร เป็นวัดที่มีอายุเก่าแก่ สันนิษฐานราวๆ 1200 ปี ตั้งอยู่ที่ ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมืองฯ จังหวัดสุพรรณบุรี ตรงฝั่งตะวันตกของแม่น้ำสุพรรณบุรี หรือท่าจีนครับ ซึ่งที่นี่เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร เนื้อที่กว้าง 82 ไร่ 1 งาน มีโบราณสถานที่สำคัญของวัด ก็คือ พระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ ซึ่งที่ทุกคนรู้จักกันอีกชื่อว่า “ หลวงพ่อโตวัดป่าไลไลยก์” นั้นเองครับ
โดยรอบ ๆ วิหาร จะมีจิตรกรรมฝาผนังเล่าเรื่องราวของขุนช้าง-ขุนแผน ให้คนได้เดินเยี่ยมชมความสวยงามของภาพวาด ที่มีการเล่าตั้งแต่เริ่มเรื่อง ไปจนถึงตอนจบบทสรุปเรื่องราวครับ ซึ่งเป็นภาพที่สะท้อนเรื่องราวโศกนาฏกรรมความรักถือว่ามาที่นี่ได้ทั้งบุญและความรู้กลับไปควบคู่กันเลยที่เดียว เชียวครับ
หลวงพ่อโตวัดป่าเลไลยก์ เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองสุพรรณมาแต่โบราณกาล ตามพงศาวดารเหนือกล่าวว่า พระเจ้ากาแต โปรดให้บูรณะวัดป่าเลไลยก์ เมื่อ พ.ศ. 1724 องค์พระประดิษฐานอยู่ในวิหารที่สูงใหญ่ มองเห็นเด่นแต่ไกล เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปิดทองปางป่าเลไลยก์ขนาดใหญ่สูง 23 เมตรเศษ สร้างตามแบบศิลปอู่ทองรุ่นที่สอง ซึ่งเป็นศิลปะฝีมือสกุลช่างอู่ทองแท้ ๆ
จากวัดปาเลไลยก์มาไม่ไกล เพียง 2 กิโลนิด ๆ กับอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอุทยานมังกรสวรรค์ ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง อุทยานมังกรสวรรค์ ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้กันมาก ๆ เลยใช่มั้ยล่ะครับ เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจ โดยจุดเด่นของที่นี่จะมองเห็นรูปปั่นมังกรขนาดใหญ่สวยงามที่ใครมาก็จะชอบมาถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึกกลับไป และยังเป็นสถานที่ที่รวบรวมเรื่องราวไว้มากมายทางประวัติศาสตร์ สร้างด้วยแรงศรัทธาของชาวไทยเชื้อสายจีน ที่จะแวะเวียนมากราบไหว้ขอพร และที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ซึ่งหลายคนเชื่อว่า หากได้มากราบไหว้แล้ว จะนำมาซึ่งโชคลาภ ความร่ำรวย ความสำเร็จ และความสุขมาให้ครับ
นอกจากบริเวณศาลหลักเมืองที่นี้ยังเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านมังกรสวรรค์ ซึ่งเป็นรูปแบบของหมู่บ้านจำลอง “เมืองลีเจียง” ซึ่งเป็นเมืองเก่าแก่โบราณอายุนับพันปี ที่มีรูปแบบที่สวยงามจนได้รับแต่งตั้งให้เป็นเมืองมรดกโลกและอุทยานพุทธบัญชา ( พระยูไล ) โดยภายในอุทยานจะมีเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยมแบบจีน 5 ชั้น เป็นที่ประดิษฐานองค์พระยูไล หล่อด้วยทองเหลือง ปางประทับนั่งบนปัทมาสน์ มือถือเจดีย์ บุ๋งเซียง รายล้อมด้วยพระอรหันต์ จำนวน 18 องค์
แต่ที่น่าเสียดายคือในส่วนของพิพิธภัณซึ่งอยู่ภายในตัวมังกรซึ่งอยู่ในระหว่างการปรับปรุง จึงไม่สามารถเข้าไปชมได้ครับ สำหรับที่นี้ในเรื่องของการจัดการสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อผู้พิการและผู้สูงอายุนั้น ที่นี้ถือว่าทำได้ดีเชียวครับ การเข้าถึงในพื้นที่ต่าง ๆ นั้นสามารถเข้าถึงได้โดยสะดวก รวมถึงห้องน้ำ และทางลาด ที่นี้ก็มีให้ครับ
ตลาดสามชุก ตั้งอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำท่าจีน อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี บรรยากาศโดยรอบของตลาด จะมีความเรียบง่ายเป็นเอกลักษณ์ มีกลิ่นอายความเป็นไทยแบบดั้งเดิมที่ยังคงมีเสน่ห์มาก ๆ ครับ ส่วนภายในตลาดยังคงมีความคึกคัก มีสินค้า อาหารต่าง ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้เดินช้อป กิน กันแบบเพลินๆเลยครับ นอกจากนี้ที่นี่ยังมีพิพิธภัณฑ์ ร้านรวงต่าง ๆ มากมาย ให้เราได้เรียนรู้ถึงชีวิตในสมัยอดีตของคนที่นี่ด้วยครับ ส่วนใครที่อยากลองล่องเรือตามเส้นทางแม่น้ำท่าจีน ที่นี่ก็มีให้พร้อมบริการสำหรับทุกคน ส่วนผมขอนั้งจิบโอเลี้ยง ดูผู้คนในตลาด แบบชิล ๆ ครับ
บึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ ตั้งอยู่ที่ ตำบลเดิมบาง อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นบึงน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่มากๆ ครับ โดยแบ่งพื้นที่ในการท่องเที่ยว ออกเป็นทั้งในส่วนของสวนสัตว์ ทางบก และที่น่าสนใจคือในส่วนของสัตว์น้ำครับ โดยในอาคารแรกนั้นจะเป็นอุโมงค์ปลาจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำรวบรวมพันธุ์ ปลาน้ำจืด ปลาสวยงามและพันธุ์ปลาหายาก เอาไว้ให้ได้ศึกษาด้วยครับ โดยจะแบ่งเป็น 2 อาคารสัตว์น้ำจืด
ซึ่งอาคารหลังที่ 1 มีการจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำจืดและสัตว์น้ำเค็ม ทั้งพันธุ์ปลาไทย และพันธุ์ปลาต่างประเทศมากกว่า 50 ชนิดกันเลยครับ และที่นี้ยังมีบ่อจระเข้ที่ได้จำลองให้มีสภาพใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุดมีการจัดแสดงจระเข้ในวันเสาร์-อาทิตย์ด้วยครับ
ส่วนอาคารหลังที่ 2 จะประกอบไปด้วยตู้ปลาขนาดใหญ่สวยงาม มีอุโมงค์ ความยาว 8.5 เมตร ให้ผู้ที่มา ได้เดินชม ผ่านใต้ตู้ปลา ได้บรรยากาศเหมือนอยู่ใกล้สัตว์น้ำ ซึ่งถือที่นี้ว่าเป็นอุโมงค์ปลาน้ำจืดแห่งแรกของประเทศไทย เลยทีเดียวครับที่มีนักประดาน้ำสาธิตการให้อาหารปลาให้ชม และโดยรอบยังมีตู้ปลาน้ำจืดอีก 30 ตู้ และตู้ปลาทะเลสวยงามอีก 7 ตู้ ถือว่าได้ดูพันธุ์ปลาน้ำจืดกันคุ้มค่าจริง ๆ ครับ โดยอาคารที่1-2 รวมถึงการชมบ่อจระเข้จะมีค่าบริการ ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 10 บาท อายุ 60 ขึ้นไปเข้าชมฟรี
อาคารหลังที่3 สวรรค์แห่งโลกใต้ทะเล มีการจัดแสดงพันธุ์ปลาทะเลมากมายหลายชนิดให้ได้ชมความสวยงามสัมผัสกับบรรยากาศของโลกใต้ทะเล รวมทั้งตื่นตาตื่นใจกับอุโมงค์ปลา และบันไดเลื่อนมีความยาว 75 เมตร เพื่อให้ได้ศึกษาสภาพความเป็นอยู่ของสัตว์ทะเลอย่างใกล้ชิดรวมทั้งบ้านของเจ้าแห่งท้องทะเล หรือปลาฉลามอีกจำนวนมากที่รอให้ทุกคนมามาเยี่ยมชมครับ โดยจะคิดค่าบริการเข้าชม ผู้ใหญ่ 150 บาท เด็ก 50 บาท แค่ที่นี่ที่เดียวก็อิ่มจุใจมาก ๆ แล้วครับเพราะฉะนั้นห้ามพลาดเด็ดขาดนะครับ
สำหรับที่นี้ในเรื่องของการจัดการสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ที่เอื้อต่อผู้พิการและผู้สูงอายุนั้น ต้องขอปรบมือให้เลยครับเรียกได้ว่าสะดวกมาก ๆ ในการเข้าถึงพื้นที่ต่าง ๆ สามารถเข้าถึงได้โดยสะดวก ทั้งห้องน้ำ ทางลาด ที่จอดรถ สำหรับผู้พิการและผู้สูงอายุที่นี้มีให้ครบครับ